บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 4
วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561
เนื้อหาการเรียนรู้
***เสนอคำคมทางการบริหารวันนี้***
ของนางสาวสุริยาพร กลั่นบิดา
ของนางสาวสุวนันท์ สายสุด
ของนางสาวเรณุกา บุญประเสริฐ
***จากนั้นนำเสนอโรงเรียนตามหัวข้อของเเต่ละกลุ่ม***
กลุ่มที่ 1 โรงเรียนอนุบาล
ความเป็นมาของงานการศึกษาพิเศษ ในวิทยาลัยครูสวนดุสิต เริ่มในปี พ.ศ. 2512 โดยมีรายละเอียดดังนี้
พ.ศ. 2512 | เปิดศูนย์ทดลองเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินเป็นครั้งแรก จำนวน 1 ห้องเรียน โดยรับนักเรียนสาธิตที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน จำนวน 6 คน |
พ.ศ. 2513 | ขอความร่วมมือจากครูประจำชั้นอนุบาลปีที่ 2 ส่งนักเรียนอนุบาลห้องละ 1 คน มาเรียนร่วมกับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน |
พ.ศ. 2514 | ส่งนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน จำนวน 2 คน ทดลองเข้าเรียนร่วมกับ เด็กปกติ ที่โรงเรียนพญาไท |
พ.ศ. 2519 | หน่วยงานทดลองโครงการการศึกษาพิเศษ ได้รับยกฐานะให้เป็นภาควิชา การศึกษาพิเศษ คณะครุศาสตร์ โดยการอนุมัติของสภาการฝึกหัดครู |
พ.ศ. 2520 | ทดลองสอนเด็กเรียนช้า 1 กลุ่ม มีนักเรียนจำนวน 2 คน |
พ.ศ. 2533 | ผศ.ดร.เบญจา ชลธาร์นนท์ ผศ. สุวิมล อุดมพิริยะศักย์ และผศ.สุดคนึง สุนทรวรคุณ จัดตั้งศูนย์บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มเด็กตาบอดและครอบครัวโดยได้รับ ความร่วมมือจากสถาบันฮิลตันเปอร์กินส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วยเหลือด้านวิชาการและด้านการเงิน |
พ.ศ. 2539 | จัดตั้งศูนย์การศึกษาพิเศษ ภายใต้โปรแกรมวิชาการศึกษาพิเศษ คณะครุศาสตร์ โดยแบ่งการบริหารงานออกเป็นฝ่ายบริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มเด็กพิการและ ครอบครัว และฝ่ายสาธิตการศึกษาพิเศษ |
พ.ศ. 2549 | ศูนย์การศึกษาพิเศษ เพิ่มฝ่ายเด็กพิการซ้อน |
พ.ศ. 2551 – ปัจจุบัน | ศูนย์การศึกษาพิเศษ ได้ย้ายสังกัดจากคณะครุศาสตร์ไปสังกัดโรงเรียนสาธิต ละอออุทิศ โดยแบ่งการบริหารงานออกเป็น 3 กลุ่มงาน คือ 1. กลุ่มงานบริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มเด็กพิการและครอบครัว (Early Intervention : EI) 2. กลุ่มงานนักเรียนเรียนร่วม ระดับชั้นอนุบาล 3. กลุ่มงานบริการสอนเสริมนักเรียนเรียนร่วม ระดับชั้นประถมศึกษา |
เพิ่มเติมที่ ➡️http://www.la-orutis.dusit.ac.th/
กลุ่มที่ 2สถานบริบาล
เกี่ยวกับโรงเรียน
ชื่อสถานศึกษา: โรงเรียนแสนสุข
สังกัดสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
ระดับที่เปิดสอน
- ระดับเนอสเซอรี่ อายุ 1.10 ปี -2 ปี
- อนุบาล อายุ 3-5 ปี
- ประถมศึกษา
- มัธยมศึกษาตอนต้น
- มัธยมศึกษาตอนปลาย
ระยะเวลาเรียน
ใน 1 ปีการศึกษามี 2 ภาคเรียน คือ
ภาคต้น เดือนพฤษภาคม – เดือนกันยายน
ภาคปลาย เดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม
เวลาเรียนระหว่าง เวลา 08.00 น. – 16.00 น. วันจันทร์ – ศุกร์
** สำหรับช่วงปิดภาคเรียน จะมีการเปิดสอนเสริม ดังนี้
ช่วงปิดเทอมต้น เดือนตุลาคม October Course
ช่วงปิดเทอมปลาย เดือนเมษายน Summer Course
ภาคต้น เดือนพฤษภาคม – เดือนกันยายน
ภาคปลาย เดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม
เวลาเรียนระหว่าง เวลา 08.00 น. – 16.00 น. วันจันทร์ – ศุกร์
** สำหรับช่วงปิดภาคเรียน จะมีการเปิดสอนเสริม ดังนี้
ช่วงปิดเทอมต้น เดือนตุลาคม October Course
ช่วงปิดเทอมปลาย เดือนเมษายน Summer Course
เขตพื้นที่บริการ :
อำเภอละหานทราย อำเภอบ้านกรวด อำเภอโนนดินแดง อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์
ที่ตั้งและข้อมูลการติดต่อ
- ฝ่ายอนุบาล-ประถม ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 67/3 หมู่ที่ 1 ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์
- รหัสไปรษณีย์ 31170
- ฝ่ายมัธยม ตั้งอยู่ที่ เลขที่ เลขที่ 168 หมู่ 6 บ้ำนโรงเลื่อย ตำบลละหานทรายอ.ละหานทราย
- จ.บุรีรัมย์ รหัสไปรษณีย์ 31170
- โทรศัพท์ 044-110357 ,087-261-7292, 065-023-6404, 084-708-1001
- โทรสาร 044-110357
- e-mail: sansook2547@gmail.com
- website:http://www.sansook.ac.th
ประวัติ
โรงเรียนแสนสุข เดิมชื่อ โรงเรียนอนุบาลแสนสุข ก่อตั้งเมื่อวันพฤหัสที่ 12 เดือน พฤษภาคม
พุทธศักราช 2547 นายมนัส เฮงยศมาก ดำรงตำแหน่งครูใหญ่ มีอาคารเรียนอยู่ 1 หลัง จำนวน
2ห้องเรียน เริ่มเปิดชั้นอนุบาลศึกษาปีที่ 1 (3 ขวบ) มีครูผู้สอน 1 คนครูพิเศษ 1 คนและครูพี่เลี้ยง 1 คน
นักเรียนจำนวน 30 คน
ปีการศึกษา 2549 ขยายชั้นเรียนระดับประถมศึกษา และสร้างอาคารเรียน 1 ชั้น อีก 2 อาคาร
อาคารละ 2 ห้องเรียน
ปีการศึกษา 2552 ก่อสร้างอาคารเรียนเพิ่มอีก 1 หลัง 5 ชั้น มีห้องเรียน 12 ห้องเรียน เนื่องจาก
นักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
ปีการศึกษา 2555โรงเรียนสร้างอาคารเรียนเพิ่มอีก 1 หลัง จำนวน 4 ห้องเรียน และนำร่อง
หลักสูตร Mini English Program ในระดับชั้นอนุบาล 1-3 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ปีกำรศึกษำ 2558 โรงเรียนแสนสุขได้ขยำยชั้นเรียนระดับมัธยมศึกษำตอนต้น ที่บริเวณใหม่
เนื่องจากในโรงเรียนเดิมมีพื้นที่จำกัด โดยบริเวณใหม่มีเนื้อที่ 20 ไร่ อยู่ห่างจำกโรงเรียน แสนสุข
ประมาณ 800 เมตร
และปีการศึกษา 2561 ขอขยายชั้นเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และเปิดสอนระดับชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นปีแรก
พุทธศักราช 2547 นายมนัส เฮงยศมาก ดำรงตำแหน่งครูใหญ่ มีอาคารเรียนอยู่ 1 หลัง จำนวน
2ห้องเรียน เริ่มเปิดชั้นอนุบาลศึกษาปีที่ 1 (3 ขวบ) มีครูผู้สอน 1 คนครูพิเศษ 1 คนและครูพี่เลี้ยง 1 คน
นักเรียนจำนวน 30 คน
ปีการศึกษา 2549 ขยายชั้นเรียนระดับประถมศึกษา และสร้างอาคารเรียน 1 ชั้น อีก 2 อาคาร
อาคารละ 2 ห้องเรียน
ปีการศึกษา 2552 ก่อสร้างอาคารเรียนเพิ่มอีก 1 หลัง 5 ชั้น มีห้องเรียน 12 ห้องเรียน เนื่องจาก
นักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
ปีการศึกษา 2555โรงเรียนสร้างอาคารเรียนเพิ่มอีก 1 หลัง จำนวน 4 ห้องเรียน และนำร่อง
หลักสูตร Mini English Program ในระดับชั้นอนุบาล 1-3 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ปีกำรศึกษำ 2558 โรงเรียนแสนสุขได้ขยำยชั้นเรียนระดับมัธยมศึกษำตอนต้น ที่บริเวณใหม่
เนื่องจากในโรงเรียนเดิมมีพื้นที่จำกัด โดยบริเวณใหม่มีเนื้อที่ 20 ไร่ อยู่ห่างจำกโรงเรียน แสนสุข
ประมาณ 800 เมตร
และปีการศึกษา 2561 ขอขยายชั้นเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และเปิดสอนระดับชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นปีแรก
ปรัชญาโรงเรียน
“เสริมสร้างประสบการณ์ แตกฉานวิชา พัฒนาสังคม สั่งสมคุณธรรม”
คำขวัญโรงเรียน
“มีคุณธรรม นำความรู้ ชูร่มเย็น”
มีคุณธรรม หมายถึง นักเรียน, ครู เป็นผู้มีคุณธรรมทั้งทาง กาย วาจา ใจ
นำความรู้ หมายถึง นักเรียน, ครู เป็นผู้มีความรู้ และประพฤติปฏิบัติตน ตามหน้าที่ที่รับผิดชอบจน
บังเกิดผลที่ดีต่อส่วนรวม
ชูร่มเย็น หมายถึง นักเรียน, ครู ทุกคนรู้ เคารพต่อหน้าที่ของตนเอง ฟังความคิดเห็นให้เกียรติและ
ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข มีความรัก ความสามัคคี
มีคุณธรรม หมายถึง นักเรียน, ครู เป็นผู้มีคุณธรรมทั้งทาง กาย วาจา ใจ
นำความรู้ หมายถึง นักเรียน, ครู เป็นผู้มีความรู้ และประพฤติปฏิบัติตน ตามหน้าที่ที่รับผิดชอบจน
บังเกิดผลที่ดีต่อส่วนรวม
ชูร่มเย็น หมายถึง นักเรียน, ครู ทุกคนรู้ เคารพต่อหน้าที่ของตนเอง ฟังความคิดเห็นให้เกียรติและ
ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข มีความรัก ความสามัคคี
สีประจำโรงเรียน
สีขาว หมายถึง ความสะดวก บริสุทธิ์ ปราศจากมลทิน, สิ่งที่ดีงาม
สีเขียว หมายถึง ความร่มเย็น, ความมั่นคง, ยั่งยืน
สีเขียว – ขาว หมายถึง การมุ่งพัฒนานักเรียนทุกคนที่มาเข้าเรียนในโรงเรียนแสนสุข ได้ตามและ
เต็มศักยภาพของแต่ละบุคคลอย่างยั่งยืน ให้นักเรียนมีความสะดวกทางด้านจิตใจ และมีความ
ฉลาดทางสติปัญญาและอารมณ์ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน อดทนเสียสละ มีคุณธรรม จริยธรรม
เป็นที่รักของบุคคลทั่วไป
สีเขียว หมายถึง ความร่มเย็น, ความมั่นคง, ยั่งยืน
สีเขียว – ขาว หมายถึง การมุ่งพัฒนานักเรียนทุกคนที่มาเข้าเรียนในโรงเรียนแสนสุข ได้ตามและ
เต็มศักยภาพของแต่ละบุคคลอย่างยั่งยืน ให้นักเรียนมีความสะดวกทางด้านจิตใจ และมีความ
ฉลาดทางสติปัญญาและอารมณ์ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน อดทนเสียสละ มีคุณธรรม จริยธรรม
เป็นที่รักของบุคคลทั่วไป
พุทธสุภาษิตประจำโรงเรียน
โยคาเว ชายเต ภูริ “ปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน”
สัญลักษณ์
ส.ส. เป็นอักษรย่อของคำว่า “แสนสุข” ดอกบัว เป็นดอกไม้พุทธบูชา สีชมพู มีอยู่ได้หลายสถานะ
ได้แก่ อยู่ในโคลนตม กลางน้ำ เสมอน้ำ และเหนือน้ำ เปรียบเสมือนเด็กหลายกลุ่ม ที่พร้อมจะได้รับ
การพัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา อย่างเต็มศักยภาพ
ได้แก่ อยู่ในโคลนตม กลางน้ำ เสมอน้ำ และเหนือน้ำ เปรียบเสมือนเด็กหลายกลุ่ม ที่พร้อมจะได้รับ
การพัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา อย่างเต็มศักยภาพ
เพิ่มเติมที่➡️http://www.sansook.ac.th/site/
กลุ่มที่ 3 โรงเรียนสำหรับเด็กก่อนวัยเข้าเรียน
รู้จักกับเบรนสคูล
- Brainschoolเป็นหลักสูตรพัฒนาทักษะการคิดเชิงเหตุผล (Critical Thinking)และการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) สำหรับเด็กอายุ 1-8ปี
- Brainschool เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการ มุ่งสร้างความก้าวหน้าทางพัฒนาการเด็กในทุกด้านได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษา และสังคมวิทยาศาสตร์
- Brainschool สอนผ่านกิจกรรมกว่า2,000กิจกรรมที่ได้รับการวิจัยจากนักวิชาการทางด้านเด็กเล็กกว่า40ท่านทำให้มีความต่อเนื่อง เป็นระบบ และได้ผลจริง
- ครูผู้สอนทุกท่านได้รับการฝึกอบรมหลักสูตร Creative Teaching Method จาก Hansol Education ทำให้มีความเข้าใจในบทเรียนและมีจิตวิทยาในการสอนเด็กเป็นอย่างดี
- Brainschool เป็นหลักสูตรที่พัฒนาโดยบริษัทHansol Education บริษัทด้านการศึกษาอันดับหนึ่งของประเทศเกาหลี โดยดร. ยังจูโอ* ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษาของเกาหลี ได้ทำงานร่วมกับทีมวิจัยของ Hansolกว่า40ท่าน เป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ในการพัฒนาหลักสูตร Brainschool ขึ้นมา หลังจากนั้นได้มีการนำหลักสูตรนี้ไปทดลองใช้กับชั้นเรียนตัวอย่างเพื่อทำการปรับปรุงจุดด้อยต่างๆ อีกเป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อให้ได้หลักสูตรทางการศึกษาที่ดีที่สุด
- หลักสูตรของเบรนสคูลใช้หลักการของนักการศึกษาชาวอเมริกาที่มีชื่อเสียงสองท่านคือ ดร.บลูม(บิดาแห่งความคิดเชิงวิพากษ์)และดร.ทอแรนซ์(บิดาแห่งความคิดสร้างสรรค์) เพื่อให้เด็กๆสามารถใช้สมองทั้งสองข้างอย่างเต็มศักยภาพ
- เพื่อให้เด็กมีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
- สนับสนุนให้เด็กมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
- เพื่อให้เด็กได้เกิดประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาได้เหมาะสมกับวัย
- เพื่อพัฒนาทักษะการคิดระดับสูงที่สามารถนำไปใช้ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้
- ปลูกฝังลักษณะความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับปัญหาและมีแรงกระตุ้นและความเพียรที่จะแก้ปัญหานั้น
เพิ่มเติมที่➡️http://brainschoolthailand.com/
กลุ่มที่ 4 สถานรับเลี้ยงเด็ก
สถานรับเลี้ยงเด็ก บ้านคุณปู่ เนอสเซอรี่ ให้บริการเนอสเซอรี่และรับเลี้ยงเด็กแรกเกิด ถึงก่อนวัยเรียน เราเน้นการให้ความรักความอบอุ่น จากการกอดการสัมผัสกับเด็กซึ่งเด็กเล็กจะสัมผัสได้ถึง ความรักอย่างรวดเร็ว บ้านคุณปู่เนอสเซอรี่ใช้ระบบการดูแลและพัฒนาเด็กเล็กโดยเน้นการใช้กิจกรรมเสริมทักษะในด้านต่างๆโดยเฉพาะกิจกรรมด้านศิลปะที่จะช่วยพัฒนาสมองของเด็ก อีกทั้งยังมีเครื่องเล่นที่ทันสมัย ปลอดภัยและสามารถพัฒนาทักษะและเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆได้อย่างต่อเนื่องสมวัย
โดยบ้านคุณปู่เนอสเซอรี่ เน้นเรื่องของการเตรียมความพร้อมของเด็กก่อนวัยเรียน ซึ่่งเด็กๆแต่ละคน
ก็จะมีความพร้อม ความถนัด ความสนใจ ความชอบ หรือแม้แต่ความมีสมาธิ ที่จะเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ
ที่แตกต่างกัน ดังนั้นเรามีหน้าที่ที่จะฝึกฝนเด็กๆให้มีความพร้อมในทุกๆเรื่องก่อนที่เด็กๆจะต้องเข้าไป
ศึกษาในสถานศึกษาในระดับสูงต่อไป
รูปแบบการเรียนการสอน
ทั้งนี้เด็กๆจะได้มีส่วนร่วมและสนอความคิดในเรื่องต่างๆและได้ร่วมเสริมสร้างจินตนาการผ่านการทำ
ศิลปะและ สิ่งประดิษฐ์ เพื่อเสริมสร้างจินตนาการและการต่อยอดทางความคิด ความกล้าแสดงออกเรามี
ห้องยิมที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆเพื่อฝึกพัฒนาการของกล้ามเนื้อ แขน ขา ของเด็กๆ อย่างเต็มที่ ทั้งนี้
เด็กๆยังได้ฝึกการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การแบ่งปัน การฝึกให้พี่ที่โตกว่าได้ช่วยเหลือเด็กๆหรือน้องๆที่เด็กหรือ
เล็กกว่า โดยเด็กๆจะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ
เพิ่มเติมที่➡️http://baankhunpoo.com/
กลุ่มที่ 5 ศูนย์เด็กเล็ก
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด
เพิ่มเติมที่➡️http://www.roietmunicipal.go.th/th/?q=node/607
กลุ่มที่ 6 ศูนย์อบรมเด็กก่อนวัยเรียน
ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดโปรดเกศเชษฐาราม ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๖ ตามนโยบายของรัฐบาลสมัยนั้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้เด็กเล็กที่ยังอายุยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าเรียน ได้เข้ามาใกล้ชิดกับพระศาสนาโดยมีพระและวัดเป็นผู้ดูแลจัดการ เพื่อปลูกฝังคุณธรรมเบื้องต้นให้กับเด็ก และรับเลี้ยงดูเด็กเพื่อให้ผู้ปกครองออกไปปประกอบอาชีพได้อย่างไม่ต้องมีห่วงกับบุตรธิดา เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองได้อีกส่วนหนึ่ง
ปีที่เปิดเรียน ได้ใช้ศาลาการเปรียญด้านนอกเป็นห้องเรียน มีนักเรียน ๒๕ คน ครู ๒ คน คือ นางอาภา โกวัฒนะชัยและนางคงทรัพย์ ชาวปทุม เป็นผู้ช่วย วัดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเป็นเงินเดือนครู และจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอน เช่นม้านั่ง โต๊ะเรียน เป็นต้น สำหรับอาหารกลางวัน นักเรียนต้องนำมาเอง อาหารนมยังไม่มีให้ เสื้อผ้าได้รับการช่วยเหลือจากผู้มีศรัทธาและใจบุญ ปีแรกนี้ รัฐบาลไม่ได้ให้ค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
การเปิดเรียนปีแรก นับว่าขลุกขลักมาก เพราะนอกจากจะเป็นของใหม่แล้ว ยังไม่มีผู้ชำนาญงานคอยให้คำแนะนำ การเรียนการสอนจึงเป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก (nursery) การเรียนก็ไม่สม่ำเสมอ เวลาวัดมีงานต้องใช้ศาลา โรงเรียนก็ต้องหยุดเรียน ที่นอนก็ใช้ผ้าปูกับพื้นศาลา
ปี พ.ศ.๒๕๓๗ โรงเรียนพระปริยัติธรรมสร้างเสร็จ จึงย้ายไปเรียนที่สถานที่ใหม่ เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๗ นักเรียนมีเพิ่มขึ้น เป็น ๔๕ คน มีแนวการเรียนการสอน การดูแลเลี้ยงดูเข้าระบบ “อนุบาล” โดยอาจารย์ทวีรัตน์ ธูปวงศ์ เป็นผู้วางรากฐานให้
พ.ศ.๒๕๓๘ มูลนิธิพีรยานุเคราะห์ ในอุปถัมภ์พระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดย ดร.อุกฤษ มงคงนาวิน ประธานมูลนิธิ ส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินว่า ควรจะรับช่วยเหลืออย่างไร เวลาต่อมา คณะกรรมการมูลนิธิฯ โดย ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน พร้อมคณะกรรมการ ได้เดินทางมามอบสิ่งของเครื่องใช้ เช่นตู้ ชุดนักเรียน ชาย หญิง และเงินช่วยสนับสนุนเงินดือนครู ตามจำนวนที่ศูนย์ฯ ทำรายงานเสนอ พร้อมค่าอาหารกลางวันแก่เด็กจำนวน ๑๓๐ คน
พ.ศ.๒๕๔๐ เป็นปีที่เศรษฐกิจของประเทศเกิดวิกฤติ การช่วยเหลือจากมูลนิธิฯงดหมดทุกรายการ ศูนย์ฯต้องดำเนินการจัดเก็บค่าบำรุงจากผู้ปกครองปีละ ๓,๐๐๐ บาท (สามพันบาทถ้วน) และสามารถที่จะแบ่งชำระได้เป็นรายเดือนหรือเป็นครั้งคราว รวมแล้วครบจำนวนเท่าที่กำหนด ถือว่าชำระครบแล้ว สำหรับชุดนักเรียนผู้ปกครองต้องซื้อเอง
การดำเนินนโยบายขอรับการสนับสนุนจากผู้ปกครอง ทำให้การบริหารจัดการของศูนย์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมีเงินทุนที่จะจัดการบริหารทั้งด้านการเรียนการสอนและการจัดหาสื่ออุปกรณ์ที่ต้องการใช้ได้สะดวกขึ้น ทำให้ศูนย์สามารถพัฒนาได้ในทุก ๆ ด้าน
ห้องเรียนเพิ่มเป็น ๖ ห้องเรียน ครูเพิ่มขึ้น เป็น ๑๓ คน
พ.ศ.๒๕๔๖ ศูนย์ถ่ายโอนไปสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลทรงคนอง ครั้งแรก อ.บ.ต.ทรงคนองช่วยจ่ายเงินเดือนครูให้ส่วนหนึ่ง รวมทั้งค่าอาหารค่านม ปี ๒๕๕๐ อ.บ.ต.ทรงคนอง ถ่ายโอนครูไปสังกัดเป็นลูกจ้างของ อ.บ.ต.ทรงคนองทั้งหมด แต่ศูนย์ฯ ก็ยังจ่ายเงินเดือนอีกส่วนหนึ่งแก่ครูจากส่วนที่ขาดจาก อ.บ.ต.ให้
การทำสัญญาจ้างครั้งแรกมีปัญหา เพราะ อ.บ.ต.ไม่สามารถทำความเข้าใจกับครูในเรื่องสัญญาจ้างได้
พ.ศ.๒๕๕๒ ศูนย์ฯ มีนักเรียน ๒๒๙ คน ครู ๑๔ คน
พ.ศ.๒๕๕๓ ศูนย์ฯ มีนักเรียน ๒๙๔ คน ครู ๑๔ คน
พ.ศ.๒๕๕๔ ศูนย์ฯ มีนักเรียน ๒๖๕ คน ครู ๑๓ คน
ศูนย์ฯ ได้ก่อสร้างอาคารขึ้นมาอีก ๑ หลัง รับเลี้ยงเด็กอายุตั้งแต่ ๒ ขวบ ถึง ๒ ขวบ ๑๑ เดือนที่ผู้ปกครองต้องออกไปทำงานไม่มีคนเลี้ยงดูบุตรธิดา เป็นการลดภาระการใช้จ่ายของผู้ปกครองที่ต้องจ้างเอกชนเลี้ยงดู และศูนย์ฯ ได้จ้างครูเพิ่มอีก ๒ คน มาดูแลเด็กเล็ก
พ.ศ.๒๕๕๕ ศูนย์ฯ มีนักเรียน ๓๐๐ คน ครู ๑๖ คน
พ.ศ.๒๕๕๖ มีนักเรียน ๓๐๑ คน ครู ๑๗ คน
พ.ศ.๒๕๕๗ มีนักเรียน ๒๙๗ คน ครู ๑๖ คน
พ.ศ.๒๕๕๖ มีนักเรียน ๓๐๑ คน ครู ๑๗ คน
พ.ศ.๒๕๕๗ มีนักเรียน ๒๙๗ คน ครู ๑๖ คน
เพิ่มเติมที่➡️http://prodketchildcenter.blogspot.com/p/blog-page.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น